การทำ SEO (Search Engine Optimization) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์โดดเด่นและเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น แต่หนึ่งในอุปสรรคที่ทำให้กลยุทธ์ SEO ไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายคือ “Duplicate Content” หรือปัญหาเนื้อหาซ้ำกัน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่ออันดับในหน้าแสดงผลการค้นหา
บทความซ้ำ หรือเนื้อหา Duplicate คืออะไร?
บทความซ้ำหรือ เนื้อหา Duplicate คือ การมีเนื้อหาที่เหมือนกัน หรือคล้ายกันมากในหลายจุดบนเว็บไซต์เดียวกัน หรือระหว่างเว็บไซต์ต่าง ๆ ปัญหานี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งจากการตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ เช่น การคัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่น หรือมีหลายหน้าในเว็บไซต์ที่แสดงข้อมูลเดียวกัน รวมถึงการใช้ URL หลายแบบที่โยงไปยังเนื้อหาเดียวกัน เช่น หน้าขายสินค้าที่มีคำอธิบายเหมือนกันทุกหน้า หรือการคัดลอกบทความจากเว็บอื่นโดยไม่ได้ปรับเปลี่ยน
ทำไม Google ถึงไม่ชอบบทความ Duplicate?
เพราะ Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่มีคุณภาพและไม่ซ้ำใคร หากพบว่ามีเนื้อหาซ้ำ ระบบจะลดความสำคัญของหน้าเหล่านั้นในการจัดอันดับ และอาจมองว่าเว็บไซต์ของคุณขาดคุณค่าในสายตาของผู้ใช้งาน

1. ตรวจสอบเนื้อหาให้มีคุณภาพ ไม่ซ้ำใคร
- เน้นการสร้างเนื้อหาที่ให้ข้อมูลเชิงลึกและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน
- หลีกเลี่ยงการคัดลอกหรือดัดแปลงเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นโดยตรง
2. จัดการ URL ให้เป็นระเบียบ (URL Structure)
- หลีกเลี่ยงการมีหลาย URL ที่ชี้ไปยังเนื้อหาเดียวกัน
3. การตรวจสอบเนื้อหา
4. เขียนคอนเทนต์หรือบทความเหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการเขียนเนื้อหากว้างๆ ที่ซ้ำกับหัวข้อที่มีอยู่ทั่วในโลกออนไลน์
- เขียนบทความที่สดใหม่ และเพิ่มคุณค่าให้กับผู้อ่าน
5. เขียนคำอธิบาย Meta description ใหม่สำหรับแต่ละหน้า
- Meta Title และ Meta Description ควรมีความแตกต่างและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในแต่ละหน้า
สนใจให้ทีมเราช่วยดูแลเรื่อง Website และ SEO Service ติดต่อ Line: @deemmi
เนื้อหาซ้ำซ้อน: อุปสรรคสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อ SEO
เนื้อหา คือหัวใจสำคัญของการทำ SEO เพื่อดึงดูดผู้เข้าชมและสร้างความน่าเชื่อถือให้เว็บไซต์ แต่ปัญหา “เนื้อหาซ้ำซ้อน” (Duplicate Content) กลับกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ขัดขวางการประสบความสำเร็จ เนื้อหาที่ซ้ำกันไม่เพียงลดโอกาสในการเพิ่มอันดับบนหน้าค้นหา แต่ยังส่งผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience) อีกด้วย ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจผลกระทบของเนื้อหาซ้ำต่อ SEO และแนวทางแก้ไขที่ช่วยให้เว็บไซต์กลับมามีคุณภาพ
ผลกระทบของเนื้อหาซ้ำซ้อนต่อ SEO
1. อันดับในการค้นหาลดลง
Google และเครื่องมือค้นหาอื่น ๆ พยายามเลือกเนื้อหาที่มีคุณค่าและไม่ซ้ำใครมาแสดง หากพบเนื้อหาซ้ำ จะไม่สามารถตัดสินได้ว่าหน้าใดควรได้รับการจัดอันดับที่ดี
2. ลดความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์
เว็บไซต์ที่มีเนื้อหาซ้ำจำนวนมากอาจถูกมองว่าขาดความเป็นมืออาชีพและไม่ให้คุณค่าที่แท้จริงแก่ผู้ใช้งาน
3. ประสบการณ์ผู้ใช้งานที่แย่ลง
ผู้ใช้ที่พบเนื้อหาซ้ำหรือข้อมูลเดิมๆ ในหลายหน้า อาจรู้สึกเบื่อหน่ายและไม่อยากกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์อีก
4. สูญเสียโอกาสในการเพิ่มทราฟฟิก
เมื่อเนื้อหาซ้ำกัน Google อาจเลือกแสดงเนื้อหาจากเว็บไซต์คู่แข่งที่ไม่ซ้ำแทน
ทั้งนี้ เนื้อหาซ้ำซ้อนเป็นปัญหาที่ดูเล็กน้อย แต่มีผลกระทบต่อ SEO อย่างมหาศาล การแก้ไขและป้องกันเนื้อหาซ้ำไม่เพียงช่วยเพิ่มอันดับในหน้าค้นหา แต่ยังช่วยให้เว็บไซต์มีคุณภาพและสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาของทั้งผู้ใช้และเครื่องมือค้นหาอีกด้วย
สาเหตุที่ทำให้เกิดบทความ Duplicate
- การคัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่น เกิดจากการนำเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นมาใช้โดยตรง โดยไม่ได้ปรับแต่งหรือเขียนใหม่ ส่งผลให้เนื้อหาขาดเอกลักษณ์และอาจถูกมองว่าเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์
- การสร้างหน้าที่คล้ายกันในเว็บไซต์เดียวกัน เช่น การสร้างหลายหน้าสำหรับสินค้าเดียวกัน แต่เปลี่ยนเฉพาะสี ขนาด หรือรายละเอียดเล็กน้อย ทำให้เนื้อหาหลักในแต่ละหน้าดูเหมือนกัน
- URL ที่แตกต่างกัน แต่แสดงเนื้อหาเดียวกัน
- การคัดลอกคำอธิบายสินค้าใน E-commerce ร้านค้าออนไลน์มักใช้คำอธิบายสินค้าจากผู้ผลิตหรือคู่แข่งโดยตรง ทำให้เกิดปัญหาเนื้อหาซ้ำทั้งในเว็บไซต์ตัวเองและระหว่างเว็บไซต์อื่นๆ
หากแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดจะช่วยลดปัญหาเนื้อหาซ้ำ และทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพสูงขึ้นในสายตาเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้งาน
อ่านบทความเรื่อง SEO เพิ่มเติมเรื่อง คลิกเบต (Clickbait) พาดหัวตัวร้าย ทำลายคอนเทนต์ SEO

ประเภทของ Content Duplicate
เนื้อหาซ้ำ หรือ Content Duplicate สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามลักษณะของการเกิดขึ้นและแหล่งที่มาของปัญหา โดยหลัก ๆ แบ่งได้ดังนี้
เนื้อหาซ้ำภายในเว็บไซต์ (Internal Duplicate)
- หน้าเว็บที่แตกต่างกันแต่มีเนื้อหาเหมือนกัน เช่น การสร้างหลายหน้าแสดงสินค้าด้วยข้อมูลเดียวกัน (ชื่อ, รายละเอียดสินค้า) แต่มี URL ต่างกัน
- URL ที่ต่างกันแต่แสดงผลเหมือนกัน ที่แม้ URL แตกต่าง แต่แสดงเนื้อหาเหมือนกันทั้งหมด
- การใช้แท็กหรือหมวดหมู่ที่คล้ายกันมากเกินไป เช่น หน้า “บทความแนะนำ SEO” และหน้า “เคล็ดลับ SEO” ที่มีเนื้อหาซ้ำกัน
เนื้อหาซ้ำระหว่างเว็บไซต์ (External Duplicate Content)
- คัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่น ซึ่งเว็บไซต์บางแห่งอาจดึงบทความหรือข้อมูลจากเว็บไซต์อื่นโดยตรง โดยไม่มีการปรับแต่งหรือให้เครดิต
- การแจกจ่ายบทความเดียวกันในหลายเว็บไซต์ เช่น การส่งบทความเดียวกันไปยังเว็บไซต์ข่าวหรือบล็อกหลายแห่งเพื่อโปรโมต แต่ไม่ได้ปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับแต่ละแพลตฟอร์ม
- คำอธิบายสินค้าใน E-commerce ร้านค้าออนไลน์มักใช้คำอธิบายสินค้าที่ได้มาจากผู้ผลิตโดยตรง ทำให้หลายเว็บไซต์มีคำอธิบายเดียวกัน
อ่านบทความเรื่อง SEO เพิ่มเติมเรื่อง เปลี่ยน SEO ธรรมดา ด้วย Context ที่ใช่ เข้าใจลูกค้า
เนื้อหาซ้ำจากหลายภาษา (Multilingual Duplicate Content)
- หากเว็บไซต์มีหลายภาษา แต่ไม่ได้ใช้ Hreflang Tag เพื่อแยกแยะเนื้อหาตามภูมิภาคหรือภาษา Google อาจมองว่าเนื้อหานั้นซ้ำกัน
เนื้อหาซ้ำจากหน้าแสดงผลเฉพาะ (Specialized Duplicate Content)
- หน้า Printer-Friendly โดยเว็บไซต์บางแห่งมีหน้า “สำหรับการพิมพ์” ที่แสดงข้อมูลเหมือนกับหน้าเว็บหลัก
- หน้า Pagination หรือหน้าซ้ำจากหมวดหมู่ เช่น การแบ่งเนื้อหาออกเป็นหลายหน้า (Page 1, Page 2) โดยไม่มี Canonical Tag หรือการจัดกลุ่มเนื้อหาในหลายหมวดหมู่ที่แสดงผลเหมือนกัน
สรุปง่าย ๆ Content Duplicate สามารถเกิดได้ทั้งภายในเว็บไซต์และระหว่างเว็บไซต์ เพราะปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบแค่การจัดอันดับในเครื่องมือค้นหา แต่ยังอาจทำให้เว็บไซต์สูญเสียความน่าเชื่อถือ การจัดการปัญหาเนื้อหาซ้ำอย่างเหมาะสมตั้งแต่ต้น เช่น การใช้ Canonical Tag, การตั้งค่า Redirect และการสร้างเนื้อหาที่มีเอกลักษณ์ จะช่วยลดปัญหาและเสริมคุณภาพให้เว็บไซต์ของคุณ